โครงสร้างอาคาร ถือเป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัยและความมั่นคงของอาคาร หากโครงสร้างเกิดปัญหา เช่น การแตกร้าว การทรุดตัว หรือความเสียหายอื่น ๆ อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผู้อยู่อาศัย ทรัพย์สิน และการใช้งานอาคารในระยะยาว เจ้าของบ้านและอาคารควรตระหนักถึงสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้สามารถดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขได้อย่างเหมาะสมตามหลักวิชาการ
ความสำคัญของการตรวจสอบโครงสร้างอาคาร
- ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
อาคารที่มีปัญหาในโครงสร้างอาจเสี่ยงต่อการพังทลาย สร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์อาคารถล่มในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งบางกรณีเกิดจากการละเลยในการตรวจสอบสภาพโครงสร้าง【1】 - ป้องกันค่าใช้จ่ายในอนาคต
การตรวจสอบและบำรุงรักษาโครงสร้างในระยะเริ่มต้นช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่อาจเพิ่มขึ้นหากปัญหาลุกลาม เช่น การซ่อมแซมรอยร้าวในช่วงเริ่มต้นอาจใช้ต้นทุนน้อยกว่าการเสริมโครงสร้างที่พังเสียหายอย่างรุนแรง - ยืดอายุการใช้งานอาคาร
การดูแลรักษาโครงสร้างอย่างเหมาะสมช่วยให้อาคารมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นและยังเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินในระยะยาว
สัญญาณเตือนที่เจ้าของบ้านและอาคาร ควรเฝ้าระวัง
1. รอยแตกร้าวอาคาร : บนพื้น ผนัง หรือเสา
-
- รอยแตกร้าวขนาดเล็ก: รอยแตกร้าวเส้นเล็กที่เกิดจากการหดตัวของวัสดุ เช่น ปูน อาจไม่มีผลกระทบรุนแรง แต่ควรตรวจสอบเป็นระยะ
- รอยแตกร้าวที่มีขนาดใหญ่หรือเพิ่มจำนวน: สัญญาณของปัญหาโครงสร้าง เช่น การแอ่นตัวของคาน หรือการเคลื่อนตัวของฐานราก
2. การทรุดตัวของพื้น
หากพบพื้นยุบหรือเอียง อาจเกิดจากปัญหาการทรุดตัวของดินใต้ฐานรากหรือโครงสร้างที่ไม่ได้รองรับน้ำหนักอย่างเหมาะสม
3. การเคลื่อนตัวของโครงสร้าง
การบิดตัวของคานหรือเสาอาจเกิดจากแรงที่เกินขีดจำกัดของโครงสร้าง เช่น น้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้นจากการต่อเติมอาคารโดยไม่ได้คำนึงถึงการออกแบบโครงสร้างเดิม
4. เสียงแปลกประหลาดจากโครงสร้าง
หากได้ยินเสียงแตกร้าวหรือเสียงกระทบของวัสดุในโครงสร้าง ควรตรวจสอบทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการเคลื่อนตัวหรือการแตกร้าวที่อาจพัฒนาเป็นปัญหาร้ายแรง
5. มีน้ำรั่วซึม
น้ำที่ซึมเข้าสู่โครงสร้างอาจทำให้วัสดุเสื่อมสภาพ เช่น เหล็กเสริมคอนกรีตเป็นสนิม หรือโครงสร้างไม้เกิดเชื้อรา
แนวทางการตรวจสอบและประเมินสภาพโครงสร้างอาคาร
1. ตรวจสอบด้วยตนเองเบื้องต้น
เจ้าของบ้านสามารถเริ่มต้นตรวจสอบเบื้องต้น เช่น สังเกตรอยแตกร้าวหรือการเปลี่ยนแปลงในพื้นและผนัง ตรวจดูการรั่วซึมหรือคราบน้ำที่อาจส่งผลต่อโครงสร้าง
2. ประเมินโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ
-
- การตรวจสอบด้วยสายตา (Visual Inspection): วิศวกรตรวจสภาพโครงสร้างภายนอก เช่น รอยร้าว การแอ่นตัว หรือการบิดตัว
- การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ (Non-Destructive Testing – NDT): เช่น การสแกนหาความหนาแน่นของคอนกรีต การตรวจสอบเหล็กเสริม หรือการใช้กล้องอินฟราเรดเพื่อตรวจหาความชื้น
แนวทางการแก้ไขปัญหาโครงสร้างอาคาร
1. ซ่อมแซมรอยแตกร้าว
-
- อุดรอยร้าวขนาดเล็ก: ใช้ซีเมนต์หรืออีพ็อกซี่เติมเต็ม
- เสริมโครงสร้าง: หากรอยแตกร้าวมีขนาดใหญ่และกระทบต่อความแข็งแรง เช่น การเสริมเหล็กเสริมในคอนกรีต
2. แก้ไขการทรุดตัว
-
- ปรับระดับพื้น: ด้วยการอัดวัสดุเสริมใต้พื้น
- เสริมฐานราก: ใช้วัสดุพิเศษ เช่น เสาเข็มเหล็กหรือเสาเข็มไมโครไพล์
3. การป้องกันน้ำซึม
ติดตั้งระบบกันซึม หรือเพิ่มชั้นป้องกันน้ำในบริเวณเสี่ยง
คำแนะนำสำหรับเจ้าของบ้านและอาคาร
- ตรวจสอบเป็นประจำ: การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เช่น ปีละ 1 ครั้ง ช่วยป้องกันปัญหาลุกลาม และหากอาคารของคุณจัดอยู่ใน อาคาร 9 ประเภท จำเป็นต้องมีการตรวจสอบประจำทุกปีที่กำหนดตามกฎหมาย
- อย่าประเมินปัญหาต่ำเกินไป: แม้ปัญหาจะดูเล็กน้อย เช่น รอยแตกร้าว ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินอย่างละเอียด
- หลีกเลี่ยงการต่อเติมโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากวิศวกร: การต่อเติมหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาจทำให้เกิดแรงเกินขีดจำกัด
แนะนำ บริการตรวจสอบอาคาร 9 ประเภท ตามกฎหมาย พร้อมออกใบรับรองหลังตรวจสอบ ตรวจโดยทีมวิศวกรมืออาชีพ ให้บริการแล้ววันนี้ 77 จังหวัดทั่วประเทศ
ติดต่อสอบถาม : [email protected]
สรุป
การตรวจสอบโครงสร้างอาคารเป็นกระบวนการสำคัญที่เจ้าของบ้านและอาคารไม่ควรมองข้าม เพราะโครงสร้างที่แข็งแรงและมั่นคงคือรากฐานของความปลอดภัย การเฝ้าระวังสัญญาณเตือน เช่น รอยแตกร้าว การทรุดตัว และปัญหาน้ำซึม รวมถึงการปรึกษาวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ช่วยป้องกันความเสียหายและยืดอายุการใช้งานอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิง
- สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ว.ส.ท.). “มาตรฐานการตรวจสอบและบำรุงรักษาอาคาร.”
- American Society of Civil Engineers (ASCE). Structural Engineering Guidelines.
- มูลนิธิวิศวกรรมโครงสร้าง. “การป้องกันและซ่อมแซมโครงสร้างในอาคาร.”